วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วิเคราะห์ข่าว...

    

 สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านวันนี้ผมจะมานำเสนอและวิเคราะห์ข่าว ให้ผู้อ่านได้เห็นในมุมของผม ในข่าวที่ได้นำเสนอต่อไปนี้ วันนี้ผมได้เลือกนำข่าวที่ผมสนใจเพราะ ผมคิดว่าเป็นข่าวที่ ทันสมัย ในหลายๆ และเป็นข่าวที่สะท้อนถึงการศึกษา เศรษฐกิจ ในประเทศไทย ได้อย่างดี


ภัยเยาวชนสมัยใหม่..ติดเกมส์..จนไม่รู้ผิดไม่รู้ถูก
  
 นางขวัญเรือน ได้พาตัว ด.ช.โจ๊ก (นามสมมติ) อายุ 13 ปี มาที่สถานีตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำจับลูกชายไป เพราะก่อเหตุลักทรัพย์ชาวบ้านมากว่า 50 ครั้งแล้ว ปัจจุบันเธอแยกทางกับสามีไปแล้ว มีลูกชายด้วยกัน 2 คน ลูกชายอีกคนอยู่กับสามี ส่วน ด.ช.โจ๊ก เป็นลูกคนโต อยู่กับตนเอง เรียนจบแค่ชั้น ป.5 เพราะถูกไล่ออกจากโรงเรียน ทำให้อาศัยอยู่บ้านไปวันๆ ตนเองก็ทำมาหากินมีรายได้จากงานรับจ้างราววัน มีรายได้วันละไม่กี่ร้อยบาท และไม่มีเวลาเลี้ยงดู ด.ช.โจ๊ก ที่ผ่านมา มักมีชาวบ้านมาบอกแจ้งตนบ่อยๆ เกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกชาย เพราะมักชอบเข้าบ้านคนอื่นไปขโมยของ แม้กระทั่งในวัดยังเข้าไปขโมย ด.ช.โจ๊ก เคยถูกตำรวจจับอยู่บ่อยครั้ง จนขึ้นโรงพักเป็นประจำ แต่ตำรวจไม่อยากดำเนินคดีเพราะเห็นว่ายังเด็ก จนกระทั่งล่าสุดก่อเหตุอีกครั้ง ตนจึงถึงขีดสุด ยืนกรานให้ตำรวจดำเนินคดีกับลูกชายไปเลย


ขอบคุณภาพตัวอย่างจาก http://variety.n108.com
   ด้าน ด.ช.โจ๊ก ให้การรับสารภาพว่า เคยเหตุลักทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวมากว่า 50 ครั้งแล้ว จะเลือกขโมยแต่ของเล็กๆ น้อยๆ เช่น พระเครื่อง กระติกน้ำ น้ำปลา มีดทำครัว เป็นต้น เมื่อลักเอามาได้แล้วจะนำไปขายเพื่อนำเงินไปเล่นเกม
    

              จากที่ผมได้อ่านข่าวนั้น  หนังสือพิมพิ์ฉบับนี้ได้โพสต์ลงไว้  ได้น่าสนใจมาก ทำให้คนอยากอ่านต่อ เมื่อผมได้ลองอ่านเนื้อข่าวนี้แล้ว ผู้ต้องหาทั้งสามคนยังเป็นเยาวชนและยังอายุน้อยอยู่ ทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจและเป็นห่วงกับเยาวชนไทยในปัจจุบันมาก เพราะในปัจจุบันการแข่งขันมีสูง ค่าใช้จ่ายในแต่ละครอบครัวสูง โดยในปัจจุบันโลกของเรามีเทคโนโลยีใหม่ๆมากมาย จะทำให้เยาวชน เกิดความอยากมีอยากได้ แต่เพราะเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ดี  จึงทำให้เกิดอัชญากรรมเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในวัยรุ่น อย่างที่เป็นข่าวเด็กอายุแค่ 15 ปี หันตัวเองจากนักเรียนเป็นโจร เป็นสิ่งที่น่ากลัวเป็นอย่างมากในอนาคตของเยาวชนไทยเรา และภัยสมัยของเยาวชนไทยนั้น ก็มีรายด้านโดยเฉพาะภัยใกล้ตัวของเด็กคือ การปล่อยให้เด็กเล่นเกมส์โดยที่ไม่ให้คำปรึกษากับ หรือบอกเด็กถึงปรโยชน์และโทษ ซึ่งผมได้วิเคราะห์และผมแบ่งปัญหาเป็น 2 ส่วน คือ 

  1.ระบบการศึกษาในประเทศไทยยังไม่ดีเท่าที่ควร จากข้อมูล ผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านการศึกษาที่จัดโดย สถาบันเพื่อการพัฒนาการจัดการ หรือ IMD (Institute for Management Development) พบว่าตั้งแต่ปี 2548-2554 ประเทศไทยอยู่ในลำดับ 40 กว่า รั้งท้ายมาโดยตลอด หรือติด 1 ใน 14 ประเทศสุดท้ายทุกปี จากทั้งหมดประมาณ 55 -61 ประเทศ แต่ลงทุนด้านการศึกษาไทยไปสูงมากเป็นต้นๆของโลก แต่ผลกลับตรงกันข้าม  

  2. ด้านคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์ เพราะเยาวชนไทยในปัจจุบัน ไม่ค่อยได้เข้าวัดทำบุญ ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่เกรงกลัวในบาป

         ในฐานะในอนาคตผมจะเป็นครูที่ต้องไปสอนนักเรียนหรือเยาวชนรุ่นหลัง ผมจะเน้นการสอน ด้านคุณธรรม จริยธรรม ความซื่อสัตย์  การทำให้นักเรียนรู้จักเกรงกลัวสิ่งที่ทำผิดและให้ภูมิใจในสิ่งที่ทำดี การที่คนเรามีความรู้มากก็ไม่ใช่จะเป็นคนดีเสมอไปแต่ถ้าไม่มีความรู้เลยก็จะเป็นเครื่องมือหรือตกเป็นเหยื่อคนฉลาดได้ง่ายๆ ดังนั้น การสอนหนังสือในปัจจุบันผมคิดว่าจะต้องสอนให้เด็กคิดเป็นว่าอะไรถูกอะไรผิด โดยที่เราเป็นที่ปรึกษาแนะนำสิ่งที่ถูกต้องและสอนนักเรียนให้มีความรู้มากกว่าครู       สุดท้ายผมขอฝากกลอนให้ผู้อ่านวิเคราะห์กัน ว่าทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ ข้าวของ เงินทอง มันไม่ใช่ของเราทั้งนั้น เวลาเราเกิดมาอย่างไรตอนกลับไปก็ไปเช่นนั้น อยู่อย่างพอเพียงก็พอ...

 

ทุกสิ่งล้วนอนิจัง...


ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่
มีเพียงแต่ ต้นทุน บุญกุศล
ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ ให้ปวงชน
แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ



เมื่อเจ้ามา มีอะไร มาด้วยเจ้า

เจ้าจะเอา แต่สุข สนุกไฉน

เจ้ามามือเปล่า เจ้าจะ เอาอะไร

เจ้าก็ไป มือเปล่า เหมือนเจ้ามา

(จุฬาลงกรณ์ ปร.)   

     

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น